Monday, April 24, 2006

About my comprehensive scores...

หลังจากผ่านการสอบที่แสนยาวนาน
ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมาลุ้นระทึกเกรด
และผลของวิชา comprehensive
แต่ส่วนใหญ่ ทุกคนก็ไม่ค่อยเครียดเรื่องเกรดกันสักเท่าไหร่
ยกเว้นบางคนที่เกรดเฉลี่ยยังไม่ถึง 3.00

comprehensive ก็คือ วิชาประมวลความรู้ความเข้าใจ
เป็นการสอบวิชาหลัก ซึ่งพวกเราต้องสอบสองวิชา คือ
1)Microeconomics by A.Jackkie
2)Macroeconomics by A.Ariya
และจะไม่มีเกรด แต่มีเพียงผ่านและไม่ผ่าน
ซึ่งหากไม่ผ่าน จะมีโอกาสสอบอีกรอบสำหรับคนที่มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป
มันจึงชี้ชะตาต่อการเรียนที่นี้อย่างมาก

เล่าย้อนหลังไปหน่อยว่า ตอนที่สอบสองวิชานี้
เรารู้สึกทำได้แค่วิชา micro เท่านั้น แต่ macro นั้น
เรามั่วกระจายมาก....

สุดท้าย ผลประกาศมาว่า เราผ่านทั้งสองวิชา
เย้ เย้ เย้ ....แต่เราไม่ค่อยประทับใจกับการผ่าน micro เลย
เพราะเราไปคุยกับ แจ็คกี้ (ชื่อที่เด็ก ๆ ตั้งให้กับอาจารย์)เค้าบอกว่า
คุณผ่านแบบน่าตกใจมาก ถ้าลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็คงได้ว่า
You can surpricingly pass microeconomics.
ต่อจากนั้น อาจารย์ก็เอาคะแนนให้ดู แต่ละข้อ คะแนนเต็ม 20
ซึ่งเราได้คะแนนในแต่ละข้อ คือ 8,2,10,16
เกรณฑ์การผ่านปีนี้นั้น จะต้องได้คะแนนเกินครึ่งสองข้อ
ดีนะเนี่ย ที่ข้อสามเราได้ 10 คะแนนพอดี
ถ้าได้น้อยกว่านี้ เศร้าแน่ ๆ .....
สำหรับ macroeconomics นั้น เพื่อนๆ ทุกคนจะผ่านเกือบหมด
ยกเว้น วุฒิ
สุดท้ายสุด เราคิดว่าคงมีเพื่อนต้องออกจากโปรแกรมอีกแล้ว
น่าเศร้ามาก เพราะที่นี่ก็ไม่ได้มีคนเรียนเยอะแล้ว แถมยังเรียนยากด้วยแหละ

Tuesday, April 04, 2006

Jim Tomson's House...

หลังจากตรากตรำกับการอ่านหนังสืออยู่เกือบหนึ่งเดือนเต็ม
(ไม่ได้กระดิกตัวไปทำอย่างอื่นเลยแหละ)
จึงทำให้เราอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่มากเลย
และตัดสินใจที่จะไปเที่ยว บ้านจิม ทอมป์สัน

บ้านจิม ทอมป์สัน อยู่ในซอยเกษมสันต์ ซอยตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ เป็นบ้านของนายทหารอเมริกัน
ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไหมไทย ภายในมีห้องซึ่งจัดแบบไทย ใช้เครื่องเรือน มีสวนไม้ดอกไม้ประดับแบบไทย

ที่เลือกไปที่นั่น เพราะมีการจัดนิทรรศการแผนที่ไทยโบราณ สมัยรัชกาลที่1
เริ่มแรกที่ไปถึง เราเห็นบ้านไทยอยู่ 6 หลังรอบล้อมด้วยต้นไม้ไทยหลากหลายชนิด
มีความรมรื่นอย่างมาก

เออ ลืมบอกไป เราไปเพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่เรียนที่เรียน ร.ร. นารีรัตน์

หลังจ่ายค่าบัตรเข้าชม 50 บาท (สำหรับคนอายุไม่เกิน 25 ปีน่ะ)
แล้ว เราก็ต้องไปจองเวลาเข้าชม ซึ่งเค้าจะจัดไกด์พาพวกนักท่องเที่ยวชม
สามารถเลือกภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่นได้
และมีเวลา 30 นาทีที่ไกด์พาเข้าชม

รู้สึกว่าโชคดีมากที่ไกด์กลุ่มเราหน้าตาน่ารักดี และอัธยาศัยดีด้วย
ซึ่งกลุ่มเรามีแค่คนไทย 3 คนเอง มีเรา เพื่อนเรา และผู้หญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคน
เริ่มแรกเค้าจะพูดถึงเรือนไทยก่อน
เราก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไม ต้องพูดถึงลักษณะเรือนไทยให้เราฟังด้วย
และแล้วก็ได้รู้ว่า ลักษณะเรือนไทยที่นี่ ไม่เหมือนที่อื่น มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย
อย่างเช่น ย่อง เป็นส่วนที่ตรงหน้าต่าง และแกะสลักเอาไว้ แต่คุณจิม ก็ได้เปลี่ยนส่วนแกะสลักเข้ามา
ในตัวบ้าน เพราะจะได้เพิ่มความสวยงามในตัวบ้านมากขึ้น และยังมีการปรับเปลี่ยนอย่างอื่นอีก ต้องลองไปดูเอง

ลืมบอกไป คุณจิม เคยเป็นสถาปนิกเก่าสมัยที่อยู่อเมริกา และย้ายมาอยู่ในเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่2
ซึ่งคุณจิม ค่อนข้างรักเมืองไทยมาก ขนาดยอมหย่ากับภรรยา เพราะภรรยาไม่อยากมาอยู่ที่
เมืองไทยน่ะ

ในตัวบ้านคุณจิม มีจะมีสิ่งของพวก ภาพวาดโบราณ เครื่องปั้นดินเผา พวกเครื่องชามเบญจรงค์ และรูปปั้นต่าง ๆ
พูดได้เลยว่า มีของสะสมหลายชาติมาก อาทิ ญี่ปุ่น จีน ไทย อินโดนีเซีย เบลเยียม พม่า และมาเลเซีย
มีของสะสมบางอย่างที่แปลกมาก เช่น ถ้วยรูปใบไม้ที่มีก้านใบไม้ เราสามารถดูดน้ำตรงก้านใบไม้ได้
และ บ้านหนู ซึ่งเป็นของเล่นของเด็กจีน ที่จะจับหนูไปใส่ในบ้านหนู เพื่อให้หนูวิ่งเล่นในบ้านหนู บ้านหนูมีลักษณะ
เป็นบ้านจีนหลาย ๆ หลังซ้อนกันอยู่ (ลองไปดูเองอีกแหละ)

นอกจากนี้ ยังเพิ่งรู้ว่า เครื่องชามเบญจรงค์ไทยนั้น บางชิ้นก็ส่งแบบไปที่ประเทศจีนผลิตให้ และอีกเรื่อง คือ
คอมฟอร์ท 100 สมัยก่อน ก็มีนะ ซึ่งบ้านคุณจิม มีคอมฟอร์ท 100 อยู่ 2 อัน สำหรับผู้ชาย ก็คือ ของคุณจิม
และสำหรับผู้หญิ่ง ก็คือ สำหรับเจ้าหญิงทางเหนือ ที่จะมาพักบ้านคุณจิม บ่อย ๆ

เล่ายาวไปแล้ว หากว่าง ๆ แล้วไม่มีอะไรทำ ลองไปดูเองละกันนะ................